วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เครื่องนึ่งขวดนมแบบพกพา Nuvita เลิศมาก!!! มนุษย์แม่ปลื้มสุดๆ



................................................................ 

เครื่องนึ่งขวดนมแบบพกพา เลิศมากกก มนุษย์แม่ปลื้มสุดๆ



................................................................

"เครื่องนึ่งขวดนมแบบพกพา" โอ้วว!! เลิศมาก มนุษย์แม่ปลื้มสุดๆ ทำไมๆไม่มีมาตั้งนานแล้ว ไปดูรีวิวกันค่ะ ว่าเครื่องฆ่าเชื้อโรคสำหรับขวดนม ขนาดมินิ นี้ ดียังงัย







เครื่องฆ่าเชื้อโรคขวดนมแบบพกพา ขนาดมินิ เล็ก สะดวกสบาย พกง่าย สะอาดชัวร์ ฆ่าเชื้อโรคได้ 99.9%  แบรนด์ Nuvita จากร้าน Mellow

http://www.mellowforkid.com

ร้านนี้แม่หนิงปลื้มมากๆ มีของเกือบทุกอย่างที่ร้านนี้ขาย มนุษย์แม่รักร้านนี้มากกก ครบจริงๆค่ะ เป็นลูกค้ากันมายาวนาน ตั้งแต่เปิดร้าน เดี๋ยวมีของอีกหลายไอเท็มที่จะมารีวิว ใช้จริงมา 4 ปี ทดลองใช้มายาวนานขนาดนี้ ต้องดี และทนจริงๆนะคะ 




วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

พาลูกน้อยเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการอย่างรอบด้านกันค่ะ


.......................................................................... 

การเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญ พาลูกน้อยเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ
เพื่อส่งเสริมพัมนาการอย่างรอบด้านกันค่ะ
........................................................................ 






การเรียนยิมนาสติกครั้งแรกของ #ทีมแฝด4


หนิงชอบที่เรียนรู้ และลองสิ่งใหม่ๆ เสมอ ซึ่งก็จะจัดกิจกรรมใหม่ๆ ให้ลูกๆ #ทีมแฝด4 อยู่เสมอเช่นกัน อย่างที่เรารู้กันอยู่ว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางด้านต่างๆ ดังนั้นมาชวนลูกๆ ให้พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆกันอย่างสม่ำเสมอกันเถอะค่ะ เพราะการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นั้น มีประโยชน์มากมาย หลายอย่างเลย เช่น 

  • ทำให้เราเป็นคนกระตือรือร้น เพราะเวลาที่เราเรียนรู้สิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เราก็่จะตื่นเต้น จะขวนขวายกระตือรือร้นที่จะอยากรู้ และอยากที่จะทำให้สำเร็จให้ได้
  • ทำให้เรามีความสุข ข้อนี้ก็สำคัญ เราต้องหมั่นสร้างความสุขให้กับตัวเองเรื่อยๆ การเรียนรุ้สิ่งใหม่ทำให้มีความสุข เพราะเมื่อเราได้พยายามลองทำสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยทำ แล้วเราสามารถทำได้ประสบความเร็จ โอ้โห!! ก็จะทำให้รู้สึกภูมิใจ และมีความสุข เหมือนการได้ทำลายสถิติใหม่ๆ นะคะ
  • ทำให้รู้จักเป็นคนถ่อมตน ไม่โอ้อวด เพราะเมื่อถ้าเราเรียนรู้สิ่งใหม่ เป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เราก็จะต้องศึกษา ถามไถ่ จากครู จากผู้รู้ ซึ่งทำให้เราต้องถ่อมตนที่จะยอมรับฟังคนอื่นๆ
  • อีกสิ่งนึงเลยคือ ความรู้ และประสบการณ์ที่เราได้รับจากการเรียนรู้ เป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาลเช่นกัน ไม่ว่าจะทำสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ เราก็จะได้เรียนรู้ถึงความพยายาม ความผิดหวัง ปัญหา และวิธีในการแก้ไข หรือการทำใจยอมรับกับสิ่งเหล่านั้น ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ที่จะเรียนรู้เพื่อนำไปใช้ในด้านอื่นๆ ต่อไปอนาคต



  
ตอนนี้ #ทีมแฝด4 อายุ 4 ขวบแล้ว เป็นวัยที่กำลังเรียนรู้ รวมถึงพัฒนาการทางด้านร่างกาย กล้ามเนื้อต่างๆ ที่แข็งแรงขึ้น พร้อมที่จะเรียนรู้ในด้านต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่หนิงให้ความสำคัญกับพัฒนาการของลูกมากอย่างหนึ่งก็คือ สุขภาพ ความแข็งแรงของลูกๆ จึงเน้นให้ลูกมีไลฟ์สไตล์แบบแอคทีพ ได้วิ่งเล่น ให้ได้ออกกำลัง และเล่นกีฬาต่างๆ เพราะประโยชน์ที่ได้รับจากการที่การออกกำลังกาย และการเล่นกีฬาสำหรับเด็กๆนั้น ทั้งช่วยเสริมสร้างการพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ และพัฒนาการทางสมองอีกด้วย





ดังนั้นก็เลยอยากที่ให้สาวๆ ทั้ง 4 ได้เรียนอะไรใหม่ๆ ที่เป็นการออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และสุขภาพให้แข็งแรง หลังจากได้คุย ถามลูกๆ กันว่าอยากเรียน อยากทำอะไรกันบ้าง ก็ได้ลงมติกันแบบเป็นเอกฉันท์ 4 เสียง ว่าอยากเรียน “ยิมนาสติก” เป็นคำตอบที่ถูกใจแม่มากมาย 555 แม่ยังอยากเรียนเองเลยค่ะ โดยส่วนตัวเป็นที่เป็นคนแอคทีฟ ชอบออกกำลังกาย และก็ชอบดูแข่งกีฬายิมนาสติกมาก ซึ่งลูกๆก็จะได้ดูด้วยกันบ้าง เลยเป็นที่มาของการแรงบันดาลใจของลูกๆ แน่เลย ที่อยากจะเรียนยิมนาสติกกัน มาดูกันดีกว่า ว่าการเรียนยิมนาสติก มีประโยชน์ยังงัยกันบ้างค่ะ

ยิมนาสติกเป็นกีฬาที่เสริมสร้างพัฒนาความแข็งแรงของร่างกาย และกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของเด็กๆ ได้ทุกส่วน ให้ความยืดหยุ่นของร่างกาย พัฒนาความรวดเร็ว เป็นการใช้อวัยวะในส่วนต่างๆ ต้องทำงานประสานสัมพันธ์กัน เป็นการพัฒนาระบบประสาท รวมถึงเรียนรู้ในการรู้จักทรงตัว การบาลานซ์ตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสมดุลต่างๆในชีวิตของตัวเองไปในตัวด้วย อีกทั้งยังเป็นการฝึกระเบียบวินัยที่ดี เพราะการเล่นกีฬาต้องมีระเบียบวินัยในการฝึก การเคารพกฎกติการเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยเสริมสร้างการพัฒนาทางด้านสังคมของเด็กๆด้วย ได้พบปะ เรียนรู้กับเพื่อนๆในวัยเดียวกัน พูดได้ว่ามีประโยชน์ ส่งเสริมพัฒนาการรอบด้านเลยทีเดียวนะคะ



ไม่พลาดทุกโมเมนท์ เพราะทุกช่วงเวลาของลูกสำคัญเสมอ

ก่อนที่จะพาลูกสาวไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นอีกอย่างที่เป็น “ก้าวแรก” ของลูกๆ แม่ก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะ ไม่พลาดทุกโมเมนท์ เพราะทุกช่วงเวลาของลูกสำคัญเสมอ  แม่อยากจะเก็บภาพทุกความทรงจำ ทุกช็อทของลูกๆ เพื่อเป็นของขวัญสำหรับลูกๆเอง และก็สำหรับพ่อแม่ด้วย ที่เราจะได้เก็บไว้ดูในอนาคต
หนิงเลือกที่เก็บภาพ “ก้าวแรก” ของการเรียนรู้สิ่งใหม่ของลูกเป็นภาพวิดีโอ เพราะไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดความทรงจำแม้แต่วินาทีเดียว โดยหนิงเลือกที่จะใช้กล้องวิดีโอในการถ่ายช่วงเวลาสำคัญๆแบบนี้ แทนที่จะใช้มือถือในการถ่ายวิดีโอ ก็เพราะอยากให้ภาพวิดีโอที่ได้นั้น มีความชัด ที่สามารถเปิดดูในจอโทรทัศน์ใหญ่ๆ ก็ยังได้ภาพที่สวยงาม และยังสามารถเก็บได้ทุกมุม สามารถซูมเข้าได้แบบเยอะๆ เผื่อเป็นการถ่ายในระยะไกล หรือลูกวิ่งออกไปไกลก็ยังสามารถตามติดลูกไปได้ทุกที่ ก็แหมมนุษย์แม่ก็ไม่อยากพลาดทุกช็อทของลูกจริงๆ 555 อีกอย่างก็คือ กล้องวิดีโอสามารถถ่ายได้เป็นระยะเวลานานกว่าใช้กล้องจากมือถือ เพราะจากประสบการณ์ ถ้าใช้มือถือถ่ายวิดีโอนานๆ มือถือจะร้อน กล้องก็จะดับไป ยิ่งเคยมีประสบการณ์ดับไปตอนช่วงเวลาสำคัญด้วย แม่อยากจะร้องไห้ เลยเลือกที่จะใช้กล้องวิดีโอในการถ่าย ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้อย่างดีที่สุด



กล้องวิดีโอที่หนิงเลือกมาเก็บทุกโมเมนท์ของลูกก็คือ Sony Handycam รุ่น AXP55 ที่เป็น 4K ซึ่งภาพวิดีโอที่ถ่ายออกมานั้น แบบว่าชัดเว่อร์สุดๆ แถมใช้ง่ายเหมาะกับครอบครัว เหมาะกับมนุษย์แม่อย่างหนิง ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีก็ใช้ได้ง่าย แถมมีฟีเจอร์ที่เจ๋งๆ หลายอย่าง ที่ช่วยให้เก็บภาพลูกๆวัยซน ได้หมดทุกโอกาสจริงๆ ค่ะ





หลังจากที่ลูกๆ เลือกที่จะเรียนยิมนาสติกกัน แม่ก็หาข้อมูลสถานที่เรียน และก็ได้พาลูกทีมทั้ง 4 ไปเรียนกันที่โรงยิมใหญ่กันเลย ซึ่งก็ได้ยินจากแม่ๆเพื่อนลูกที่โรงเรียน ว่าพาลูกๆมาเรียนกันหลายคน  ก็เลยโทรไปสอบถามข้อมูล การเรียน ค่าเรียน การเตรียมตัว อุปกรณ์ต่างๆ  เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วน ก็จัดเสื้อผ้าเตรียมตัวไปเรียนกันเลย โรงยิมที่ทีมเราไปกัน คือ ไทยเคเนเดียนคอมมิวนิตี้สปอร์ต อยู่ตรงวัชรพล ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ก่อนออกจากบ้านลูกสาวก็ตื่นเต้นกันใหญ่ เพราะเคยได้ดูการแข่งกีฬายิมนาสติกจากในทีวีกันมาก่อน พอรู้ว่าจะได้ไปเรียนกันจริงๆ ก็กระโดดโลดเต้นกันใหญ่ สมใจกันเลย





  
มาถึงโรงยิมทีมแฝด4 รีบวิ่งเข้ากันเลย แม่ก็อยากจะถ่ายวิดีโอเก็บภาพตั้งแต่เริ่มต้นของการเรียนรู้ครั้งใหม่นี้ ลูกสาวทั้ง4 ก็ไม่มีใครรอแม่กันเลย แม่ต้องถ่ายวิดีโอไปและวิ่งตามลูกไปกันเลย แต่ไม่ต้องกลัวว่าภาพวิดีโอที่ถ่ายมานั้นจะสั่นดูแล้วปวดหัวนะคะ เพราะกล้องนี้มี ระบบป้องกันภาพสั่นไหว – Boss (Balanced Optical Steadyshot) ด้วย








พอเข้ามาในโรงยิมแล้วก็ตื่นตาตื่นใจกันมาก รีบปีนเกาะกระจกดูภายในโรงยิมกันเลย เพราะทั้งใหญ่ และมีเครื่องเล่นยิมนาสติกมากมาย และก็ได้เห็นพี่ๆที่กำลังฝึกกันอยู่ แบบโหน ตีลังกากัน  ลูกๆทีมแสนซน มีเหรอที่จะรอช้า รีบจูงมือแม่เข้าไปเปลี่ยนชุด เตรียมพร้อมกันมาก (ในส่วนของชุดมาเรียนยิมนาสติกของเราก็จะมุ้งมิ้งๆ เซ็กซี่หน่อยๆนะคะ) ตามถ่ายกันทุกจุดจริง แม้แต่ห้องน้ำ แต่ไม่ว่าจะมุมไหน พื้นที่เล็กขนาดไหน ก็สามารถเก็บได้หมด เพราะมีเลนส์ ZEISS ทำให้สามารถเก็บภาพได้แบบมุมกว้าง ไม่ว่าลูกจะวิ่งไปวิ่งมาก็ยังคงอยู่ในเฟรมไม่ต้องเคลื่อนตามเก็บภาพไปมาก หรือว่าจะถ่ายในพื้นที่เล็กๆ แคบๆ ก็ยังสามารถเก็บภาพลูกได้อย่างแน่นอนค่ะ  





ถึงเวลาเริ่มเรียน ก็ต่อแถวเกาะกัน รีบวิ่งตามครูเข้าคลาสเลย ตอนแรกแม่ก็กลัวว่าลูกจะเขินอาย ต้องใช้เวลาปรับตัวกันก่อนรึป่าว ถึงจะตามครูไป เพราะบางทีเวลาต้องเจอคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือครูใหม่ๆ 4 สาวก็มักจะยังเขินๆ เกาะติดแม่ให้ตามไปด้วย แต่คราวนี้ผิดคาด วิ่งเข้าคลาสกันแบบลืมแม่กันเลย





เวลาเรียน ครูจะให้ต่อแถวเพื่อฝึกทีละคนทีละคน ซึ่งเด็กๆ ก็จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎกติกาในการฝึกซ้อม และความมีระเบียบวินัย ซึ่งลูกสาวทั้ง 4 มีความตั้งใจในการเรียนยิมนาสติกครั้งแรกนี้มาก คอยฟังที่ครูสอน และคอยดูเพื่อนๆ ที่เริ่มทำก่อนหน้าตลอดเวลา พอถึงคิวตัวเอง ก็ยังมีงงอยู่บ้าง แต่ก็สามารถทำกันได้ และก็สนุกสนานกันมากค่ะ




ครูจะเริ่มจากให้ฝึกการใช้กล้ามเนื้อแขนขา โดยมีการฝึกในท่าต่างๆ โดยท่านี้ ครูให้ใช้มือเดิน และขากระโดดตาม เป็นการฝึกทั้งกล้ามเนื้อแขน กล้ามเนื้อขา และประสาทให้แขนและขาสัมพันธ์กันในการเคลื่อนไหวร่างกาย






กิจกรรมต่อไปคุณครูพาเด็กๆ ไปเดินบนคานทรงตัว เพื่อฝึกการทรงตัว ลูกสาวก็เดินกันแบบกระดึ๊บๆ กลัวจะตก แต่ก็พยายามทรงตัวกันอยู่ ส่วนนี้เด็กๆต้องใช้สมาธิกันอย่างมาก จึงเป็นจุดที่แม่ตามเข้าไปด้วยไม่ได้ แต่แม่ก็ต้องคอยแอบส่อง แอบเก็บภาพวิดิโอของลูกอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าลูกจะอยู่ตรงไหน หลังจากที่มองซ้ายมองขวา หามุมในการสอดส่องลูก แม่ก็รีบวิ่งขึ้นมาที่ชั้น 2 ของโรงยิม ตามดูลูกต่อไป ซึ่งกล้องวิดีโอนี้ก็สามารถซูมได้ถึง 20 เท่า (Optical 20x Zoom) ก็ขนาดขึ้นมาถ่ายบนชั้น 2 ก็ยังสามารถซูมเห็นลูกๆ แบบชัดอยู่เลย ทำให้แม่ไม่พลาดทุกโมเมนท์ของลูกเลยจริงๆ ค่ะ





มาถึงกิจกรรมต่อไป ลักษณะเป็นด่านต่างๆ ครูจะให้กระโดดขึ้นบล็อก ลงบล็อก ต่อด้วยคลานมุดใต้บล็อกโค้ง แล้ว กระโดดบนคล้ายๆแทรมโพลีน ที่จะเด้งๆดึ๋งๆ ตรงนี้เด็กๆชอบกันมาก กระโดดไปกระโดดมา ลืมฟังคำสั่งครูกันเลย จนครูต้องเรียกหลายรอบกันเลย





และแล้วก็จบคลาสแรกของการเรียนยิมนาสติก บอกได้เลยว่าลูกสาวติดใจ สนุกสนานกันมาก แทบจะไม่อยากเลิกเรียนกันเลย ขนาดเรียนกันมาแบบเต็มๆ 1 ชม. พร้อมเล่นต่อกันอีกเกือบครึ่งชม. แม่แค่คอยตามถ่ายวิดีโออย่างยาวนาน ยังเหนื่อยแทน แต่ก็สามารถเก็บภาพการเรียนยิมนาสติกครั้งแรกของลูกสาวได้ครบทุกกิจกรรม ทุกความสนุกมาแบบเต็มๆ โดยไม่มีสะดุดกันเลย เพราะกล้องสามารถถ่ายวิดีโอได้ยาวต่อเนื่องมาก (Long Recording Time) ไม่มีดับกลางคัน ไม่มีพลาดทุกโมเมนท์นะค้าาา



มาดูความสนุก ตื่นเต้นของการเรียนยิมนาสติกครั้งแรก ของสาวๆ #ทีมแฝด4 ที่แม่หนิงถ่ายด้วยกล้อง Sony Handycam ตัวช่วยสุดเจ๋งที่ช่วยให้แม่ได้เก็บโมเมนท์ความสนุก ตื่นเต้น ในการเรียนรู้ครั้งใหม่ คร้้งแรกของลูกๆ กันนะคะ แม่ดูไป ก็ยิ้มไป ขำไป ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบเลยค่ะ



   






วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

อ่าน อ่าน อ่าน....มาปลูกฝังให้ลูกน้อยมีนิสัยรักการอ่านตั้งแต่เด็กๆ กันค่ะ



................................................................ 
 อ่าน อ่าน อ่าน....
มาปลูกฝังให้ลูกน้อยมีนิสัยรักการอ่านตั้งแต่เด็กๆ กันค่ะ
................................................................



การอ่านหนังสือเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังให้กับลูกๆ กันตั้งแต่เด็กๆเลยนะคะ โดยการอ่านหนังสือนั้นเป็นส่วนเชื่อมโยงในการพัฒนาในด้านต่างๆ อีกด้วย ทั้งเป็นการส่งเสริมจินตนาการ และการเรียนรู้ ของเด็กๆอย่างมากมาย 
งานวิจัยจำนวนมากก็พบว่า การปลูกฝังนิสัยรักการอ่านนั้น เป็นส่ิงสำคัญอย่างมากสำหรับการประสบความสำเร็จในระยะยาวด้วยนะคะ เพราะเราสามารถนำความรู้ต่างๆ ที่ได้จากการอ่าน ไปพัฒนาการเรียน และการงานของตัวเองได้นั้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริม ฝึกฝน และสร้างนิสัยรักการอ่านให้ลูกๆ กัน มาดูประโยชน์ของการอ่านหนังสือกันดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง


  
ประโยชน์ของการอ่าน


  1. ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยกระตุ้นความจำ
  2. ช่วยส่งเสริมให้มีความคิดอ่าน และฉลาดรอบรู้ เพราะประสบการณ์ที่ได้จาการอ่าน เมื่อเก็บสะสมเพิ่มพูนไปเรื่อยๆ นานวันเข้า ก็จะทำให้เกิดสติปัญญา ยิ่งมีการอ่านที่หลากหลายประเภท หลากหลายเรื่องราว จะยิ่งทำให้เป็นคนฉลาดรอบรู้ในหลายๆด้านมากขึ้น
  3. มีคลังคำศัพท์ที่มากขึ้น มีทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้น
  4. เพิ่มทักษะในการเขียน
  5. ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
  6. มีทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์
  7. มีสมาธิมากขึ้น
  8. ได้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจ ซึ่งการอ่านเป็นวิธีหนึ่งในการแสวงหาความสุขให้กับตัวเองที่ง่ายที่สุด และได้ประโยชน์คุ้มค่าที่สุด
  9. ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต เพราะเมื่ออ่านมาก ย่อมรู้มาก สามารถนำความรู้ไปใช้ในการพัฒนา และการดำรงชีวติได้อย่างมีความสุข

เมื่อการอ่านมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ คุณพ่อคุณแม่อย่างเรา ก็ควรสนับสนุน ส่งเสริม ปลูกฝัง นิสัยรักการอ่านให้กับลูกๆ ตั้งแต่ยังเด็กๆ ซึ่งการส่งเสริมการอ่านในกับเด็กๆ ก็มีหลากหลายวิธี เช่น การเล่านิทาน การเล่าเรื่องหนังสือ เพื่อให้ลูกเกิดความสนใจในการอ่าน จนกระทั่งเห็นความสำคัญ และมีนิสัยรักการอ่าน 


วิธีสร้างนิสัยรักการอ่าน


  1. เริ่มต้นที่พ่อแม่ ควรเป็นตัวอย่างในการรักการอ่านให้กับลูกๆ ได้เห็น และซึมซับนิสัยรักการอ่านนี้ไปโดยอัตโนมัติ 
  2. ใช้เวลาสบายๆ สร้างความสัมพันธ์ของครอบครัว อ่านหนังสือร่วมกัน พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านในมุมมองของแต่ละคน ทั้งพ่อแม่ และลูก  ซึ่งถ้าเป็นเด็กเล็ก ก็เริ่มจากการที่พ่อแม่อ่านหนังสือภาพ นิทานต่างๆ ให้ลูกฟัง โดยควรอ่านอย่างมีชีวิตชีวา มีเสียงสูง เสียงต่ำ ใส่อารมณ์ในการเล่า มีลูกเล่นที่สนุกๆ เพื่อให้ลูกรู้สึกสนุก คล้อยตามไปกับเรื่องที่อ่าน  เมื่อลูกจักคำศัพท์ สิ่งของต่าง ๆ ก็ให้ลูกชี้บอกเกี่ยวกับรูปภาพต่างๆ ว่าคืออะไร มีลักษณะ รูปทรง สี อย่างไร ฯลฯ โตขึ้นมาหน่อยเมื่อลูกเริ่มพูดเป็นประโยคได้ ก็เริ่มให้เล่าเรื่องราวจากภาพที่เห็น ชวนลูกพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน  สร้างนิสัยรักการอ่านการจากชีวิตประจำวัน ให้การอ่านเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันค่ะ
  3. หมั่นพาลูกไปห้องสมุด หรือร้านหนังสือ ให้อยู่ในบรรยากาศของการอ่านแบบสบายๆ ไม่เคร่งครัด สร้างนิสัยรักการอ่านด้วยการอ่านเรื่องที่ไม่เครียดจนเกินไป 
  4. เลือกหนังสือที่ลูกชอบ สนใจ อ่านแล้วสนุก  ทำให้เด็กผูกพัน และสนุกกับการอ่านหนังสือ และเมื่อลูกโตหน่อยก็ให้ลูกได้เป็นผู้เลือกหนังสือเอง ตามความชอบ และความสนใจของตัวเอง เพื่อเป็นการให้ลูกรู้สึกสนุก และอยากจะขวนขวายหาความรู้ในการอ่านในเรื่องที่ตนเองชอบ และอยากรู้
  5. พ่อแม่ควรให้คำแนะนำ และส่งเสริมให้ลูกอ่านหนังสือต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น บางเรื่องลูกอาจจะไม่สนใจ หรือหนังสือบางเล่มอาจจะไม่สนุกสำหรับเด็ก พ่อแม่ควรแนะนำ และกระตุ้นให้ลูกได้ลองอ่าน สร้างแรงบันดาลใจ ให้ลูกรู้สึกอย่างรู้อย่างเห็น เปิดใจอยากที่ลองอ่านเอง  เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน กระบวนการคิด วิเคราะห์ และความรู้ในหลายๆด้าน มากขึ้น
  6. ใช้กิจกรรมทางศิลปะ เพื่อเชื่อมโยงกับการอ่าน เด็กๆจะได้เพลิดเพลินกับการวาดภาพ ระบายสี ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปกับการอ่านหนังสือ ช่วยพัฒนาเด็กทางด้านสุนทรียภาพ จินตยาการ และยังช่วยส่งเสริมความเข้าใจในมิติต่างๆ ของเรื่องราว 
  7. สร้างบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมในการอ่านให้สบายๆ ไม่เคร่งเครียด เพื่อลูกรู้สึก


 ชั้นวางหนังสือติดล้อ ผู้ช่วยส่งเสริมนิสัยรักการอ่านสำหรับเด็ก

    📚 #ทีมแฝด4 ชอบอ่านหนังสือกันมาก เป็นสิ่งที่แม่หนิงให้ความสำคัญ และส่งเสริมให้ลูกๆอย่างมาก ซึ่งลูกสาวทั้ง 4  ชอบให้พาไปร้านหนังสืออยู่ประจำ หนังสือก็เต็มบ้านเยอะแยะไปหมด มีชั้นวางหนังสือกี่อัน กี่อันก็ไม่พอ  

คราวนี้แม่หนิงได้ชั้นวางหนังสือมาใหม่ ที่เรียกว่า "คลังนิทานติดล้อ" เพราะเป็นชั้นวางหนังสือ พร้องช่องใส่ของ ทำจากกระดาษลูกฟูกหนาแข็งแรง แต่น้ำหนักเบา มีล้อสามารถเข็นไปมาได้ ซึ่งก็สนุกๆลูกเลย ใส่หนังสือ ใส่ของเล่น แล้วเข็นไปเข็นมาได้สบาย เด็กๆ จะได้สนุกสนานไปกับการเรียนรู้ พร้อมทั้งส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นระเบียบเรียบร้อยค่า ซึ่งชั้นวางหนังสือติดล้อ หรือคลังนิทานติดล้อนี้ มีส่วนช่วยให้ลูกๆ ได้สนุกกับอ่านการมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ลูกสาว ได้สร้างสรรค์จินตนาการไปด้วยพร้อมๆกัน 


นั่งอ่านหนังสือกันสงบ บนคลังนิทานติดล้อ ด้านหน้าเป็นชั้นวางหนังสือ ด้านหลังเป็นช่องสำหรับใส่ของ หรือจะนั่งเล่นก็ได้นะคะ ทำจากกระดาษลูกฟูกแข็ง น้ำหนักเบา มีล้อ เด็กๆเข็นกันได้สบายเลยค่ะ





พรีมขอเข็นมาอ่านที่มุมส่วนตัว กับพี่ปลาวาฟคุจิระ






เพลงก็ขอมานั่งอ่านเงียบๆ กับพี่ปลาวาฬคุจิระ รุ่น Creative Kids Series ที่มีสติ๊กเกอร์มาให้ติดตกแต่งพี่ปลาวาฬได้เอง พร้อมสีเมจิกให้วาดลวดลายได้จินตนาการ เดี๋ยวอีกสักพักพี่วาฬของเพลงต้องมีลายเต็มตัวแน่ค่ะ




พี่ปลาวาฬคุจิระ  🐳 รุ่น Creative ที่สามารถแต่งเติมลวดลายตามจินตนาการ คันนี้ของเพลง เพิ่งติดสติ๊กเกอร์ตกแต่ง
เดี๋ยวคงได้วาดตกแต่งพี่ปลาวาฬลายพร้อยแน่ 




เล่นกันเสร็จก็เข็นมาจอดเก็บในห้องนอนของตัวเอง ช่วยให้ลูกเก็บหนังสือและของเล่นของตัวเองได้อย่างเป็นระเบียบ และเคลื่อนที่ไปมาได้ด้วย

ห้องนี้ของพราวและเพลง มีพี่รถคุรุมะ 
🐳🚕 สีเหลือง กับพี่ปลาวาฬคุจิระ 🐳 ของเพลง




อีกห้องพรีมและเพลิน เข็นชั้นหนังสือของตัวเองกลับมาเก็บเรียบร้อยเหมือนกัน 

พี่ปลาวาฬคุจิระ 
 🐳 สีฟ้าของพรีม
พี่รถคุรุมะ 🐳รุ่น Creative Kids ของเพลิน




ข้อมูลผลิตภัณฑ์

Bukku ブック [บุ๊คคุ] "คลังนิทานติดล้อ" 🐳🚕


📚
สื่อสร้างสรรค์ที่ส่งเสริมจินตนาการและการเรียนรู้สำหรับเด็กวัย 2-6 ขวบ ผลิตจากกระดาษ พิมพ์ด้วยหมึกที่มีส่วนผสมจากน้ำมันถั่วเหลือง [Soy Ink] ปลอดภัยสำหรับเด็กและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สามารถประกอบได้ง่าย ขนาด กว้าง 40 x ยาว 55 x สูง 45 ซม. สามารถรับน้ำหนักหนังสือนิทาน และของเล่นได้กว่า 20 kg. มีล้อเข็นย้ายไปในที่ต่างๆ ได้

มี 2 รูปทรงด้วยกัน คือ 🐳 "ปลาวาฬคุจิระ" และ 🚕 "รถคุรุมะ"

และมี 2 แบบ คือ 1. แบบที่เป็นสีสรรค์ 🐳🚕 พี่ปลาวาฬคุจิระสีฟ้า และพี่รถคุรุมะสีเหลือง
                           2. รุ่น Creative Kids 🐳🚕 ซึ่งจะเป็นแบบไม่มีสี เป็นกระดาษสีน้ำตาล ซึ่งจะมาพร้อมกับสีเมจิกและสติ๊กเกอร์  ที่ลูกๆ จะได้อวดฝีมือและจินตนาการลงบนตัวบุ๊คคุได้เองเลย ทำให้ลูกๆสนุกสนาน สร้างสรรค์จินตนาการกันเอง  🐳🚕




🖍

แบบที่เป็นสีสรรค์ 🐳🚕 พี่ปลาวาฬคุจิระสีฟ้า และพี่รถคุรุมะสีเหลือง




รุ่น Creative Kids 🐳🚕 ซึ่งจะเป็นแบบไม่มีสี เป็นกระดาษสีน้ำตาล ซึ่งจะมาพร้อมกับสีเมจิกและสติ๊กเกอร์




วิธีประกอบที่แสนง่าย 





ราคา 
รุ่นแบบมีสี 1,100.- บาท
รุ่น Creative Kids ราคา 990.- บาท 





ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ และสั่งซื้อได้ที่


🚕🐳คลังนิทานติดล้อ @ Bukku ブック คลังนิทานติดล้อ

1) Line : @bukku4kids (มี@นำหน้าด้วยนะคะ) >> https://line.me/R/ti/p/%40bukku4kids
2) FB : m.me/bukku4kids 
3) Email : bukku4kids@gmail.com
4) IG : bukku4kids